ไฝ ขี้แมลงวัน หูด กระเนื้อ ติ่งเนื้อ สิวหิน
"หน้าใสไร้ตำหนิด้วยเลเซอร์"
เลเซอร์ชนิดคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 laser) สามารถทำลายเซลผิดปกติได้ ซึ่งผลการรักษาดีกว่าการผ่าตัดหรือจี้ด้วยเครื่องจี้ไฟฟ้าอย่างชัดเจน โดยมักจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็น คาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์เป็นเลเซอร์ชนิดที่ปล่อยแสงพลังงานสูงที่ควบคุมได้ ทำให้เกิดความร้อน กับเซลล์ที่มีน้ำอยู่ภายใน ปัจจุบันรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงมักเป็นชนิด Ultrapulse และ Superpulse การรักษาควรทำโดยแพทย์ที่ชำนาญ ก่อนการรักษาจะทายาชาบริเวณที่จะทำทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที เมื่อยิงแสงเลเซอร์จะไม่เจ็บและใช้เวลาทำเพียงไม่กี่นาที การรักษามีความปลอดภัยแต่ต้องดูแลแผลหลังทำเพื่อลดการเกิดแผลเป็น เครื่อง CO2 Laser สามารถใช้รักษาโรคได้หลายชนิด แต่ส่วนมากแล้วนิยมใช้ในการกำจัดไฝ หูด ขี้แมลงวัน กระเนื้อ ติ่งเนื้อ สิวหิน และต่อมไขมันโต เป็นต้น ส่วนซีสต์หรือเนื้องอกผิวหนังมักต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
ไฝ ไขมันเปลือกตา
หูด ติ่งเนื้อที่คอ
คำแนะนำหลังการทำเลเซอร์ไฝ
1.อาจมีบวมแดงบริเวณที่ทำในวันแรกหรือเป็นรอยถลอกและมีสะเก็ดตามมาแต่จะหายไปเอง
2. ระวังอย่าให้ถูกน้ำเป็นเวลา 2-3 วัน
3. ป้ายยาขี้ผึ้งที่ได้รับเพื่อกันนำและเหงื่อเข้าแผล เวลาเช้าและก่อนนอนเป็นเวลา 5 วันหรือจนกระทั่งแผลเป็นสะเก็ด ไม่ควรปิดแผลด้วยพลาสเตอร์หรือผ้าก๊อส
4. เริ่มทาครีมกันแดดหลังจากสะเก็ดหลุด เพื่อไม่ให้มีรอยดำหลังทำเลเซอร์
5. ในกรณีที่เป็นหูด ต้องมาทำแผลทุก 3 วัน
6. ในกรณีที่เป็นกระ มักจะไม่มีสะเก็ดเกิดขึ้น แต่อาจเข้มขึ้นในสัปดาห์แรกแต่จะค่อยๆจางลงเองช้าๆ กระมักจะต้องทำเลเซอร์ซ้ำตามนัดทุก 6-8 สัปดาห์ (กระตื้น 1-3 ครั้ง, กระลึก 3-10 ครั้ง)
7. ในกรณีที่เป็นไฝ ควรมาพบแพทย์ 2 สัปดาห์หลังจากทำ เพื่อดูว่ามีเกิดขึ้นใหม่หรือไม่
การรักษาหูด ด้วยเลเซอร์ Vbeam (วีบีม)
หูดเกิดจากไวรัสที่ทำให้เซลล์ผิวหนังของคุณเจริญเติบโตผิดปกติ การใช้ยาทาและการจี้หูดเป็นการกำจัดไวรัสได้อย่างเห็นผล หูดบางชนิดใช้การจี้แล้วได้ผลดีกว่าชนิดอื่น แต่ข้อควรระวังก็คือ ถ้าคุณเป็นหูดในร่มผ้าละก็ห้ามจี้เองที่บ้านเด็ดขาด แสดงว่ามันเกิดจากไวรัสที่ต้องรับการรักษาจากคุณหมอ ส่วนหูดชนิดอื่นๆ ก็เช่น
- หูดทั่วไป (Common warts): เป็นหูดขนาดเล็ก แข็งๆ นูนๆ ปกติสีออกเทาหรือน้ำตาล มักพบตามนิ้ว มือ เข่า และศอก เวลาจับดูจะออกสากๆ
- หูดฝ่าเท้า (Plantar warts): เป็นหูดแข็งๆ ที่มักเกิดใต้ฝ่าเท้า เจ็บเมื่อก้อนโตขึ้น จนทำเอาคุณเดินเหินไม่สะดวก
- หูดแบน (Flat Warts): เป็นหูดเล็กจิ๋วผิวเรียบเนียน อาจมีสีชมพู สีน้ำตาล หรือออกเหลือง พบบ่อยตามหน้า แขน หรือมือ และมักขึ้นทีเป็นกระจุก
ถ้ารักษาด้วยยาทาแล้วไม่หาย หูดมีขนาดใหญ่ขึ้นหลายจุด หรือเป็นแล้วเจ็บ ให้รีบไปหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่า สาเหตุอื่นที่ควรไปหาหมอก็คือ ถ้าคุณคิดว่าเนื้อที่งอกใหญ่ขึ้นนั้นไม่น่าจะเป็นหูด มีหูดขึ้นตามหน้าหรือในร่มผ้า ภูมิต้านทานของคุณต่ำลง หรือเป็นเบาหวานอยู่แล้วหูดงอกที่เท้า แค่แวะไปให้คุณหมอดู คุณหมอก็บอกได้แล้วว่าคุณเป็นหูดหรือไม่ ชนิดไหน ต้องเตรียมใจไว้เลยว่า ไวรัสที่ทำให้คุณเป็นหูดอาจกลับมาได้อีก คุณอาจสังเกตเห็นว่าหูดที่หายไปกลับมาเกิดซ้ำที่เดิม หรือขึ้นอีกแต่เป็นที่ใหม่ ถ้าคุณประสบปัญหาหูดขึ้นบ่อยๆ ละก็ รีบปรึกษาคุณหมอเลย
การจี้หูดด้วยเลเซอร์วีบีม (Vbeam) มีข้อดีเหนือกว่าการจี้ด้วยไฟฟ้า คือ ไม่มีแผลและแผลเป็นหลังทำ โดยหูดและหนังรอบๆจะค่อยๆหลุดช้าๆหลังยิง จึงสามารถถูกน้ำและทายาได้ปกติ
- ก่อนทำจะป้ายยาชาอยู่ 30 นาที (EMLA cream) เพื่อลดอาการเจ็บปวดระคายเคืองขณะทำ
- หูดจะเริ่มแข็งและกลายเป็นสีออกขาว หลังยิงเลเซอร์
- เนื้อเยื่อตรงส่วนที่จี้จะแข็ง และตรงกลางหูดจะเปลี่ยนเป็นจุดดำในอีก 2-3 วันถัดมา บางครั้งหนังจะพองขึ้นเป็นตุ่มน้ำและจะค่อยๆหลุดไปเอง
- ปิดพลาสเตอร์ไว้ แต่ถ้าคุณไม่เจ็บหรือระคายเคืองอะไร คุณก็คงเฉยๆ ติดหรือไม่ติดพลาสเตอร์ก็ได้ แต่ถ้าเป็นหูดใต้ฝ่าเท้าขึ้นมา คงต้องหาพลาสเตอร์หนาๆ มาติดไว้ จะได้เดินไปมาได้สะดวก พลาสเตอร์สำหรับหูดฝ่าเท้า มักจะเป็นพลาสเตอร์กลมขอบหนานุ่ม ตรงกลางจะบางกว่าตรงขอบ เลยไม่ไปกดทับหูด ทีนี้คุณก็จะเดินได้สบายขึ้น
- อย่าไปยุ่งกับมัน หลังจี้หูดได้ 2 - 3 วัน คุณอาจสังเกตเห็นว่าผิวคุณพุพองหรือมีน้ำเหลืองไหลออกมา เป็นเพราะผิวตรงนั้นมันไหม้นิดๆ เลยทำให้หูดดูเป็นแผลน่ากลัวขึ้นมา กว่าจะหายก็ต้องรอประมาณ 4 สัปดาห์ อย่าไปคุ้ยแคะแกะเกาสะเก็ดหรือเจาะตุ่มพอง เดี๋ยวเนื้อเยื่อข้างใต้จะติดเชื้อไวรัสเอาได้ ทีนี้ล่ะหูดกลับมาแน่
- ทายาต่อเนื่องหรือจี้ซ้ำถ้าจำเป็น ถ้าดูแล้วหูดไม่หายไปใน 4 สัปดาห์ โดยเฉพาะหูดที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้าซึ่งจะลึกกว่าที่อื่นๆ อาจต้องจี้ซ้ำ คุณหมอจะนัดมาตรวจอีกครั้ง ว่าจำเป็นต้องจี้ซ้ำอีกหรือเปล่า
- บางทีหูดก็ทนทายาด อาจต้องใช้วิธีอื่นๆ รักษาร่วมด้วย ถึงจะกำจัดหูดได้สำเร็จ