ปัญหาศรีษะล้านจัดเป็นปัญหาที่ผู้ชายถือว่ามีความสำคัญเป็นอันดับ 1 ที่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้นกับตัวเอง โดยที่มีอุบัติการณ์เกิดได้ถึง 10% ในคนเอเซีย หรือ 30-40% ในคนยุโรป อเมริกา ตามที่เราทราบกันแล้วว่า ปัญหาผมร่วง ผมบางมีสาเหตุการเกิดได้หลายอย่าง แต่สาเหตุใหญ่ๆที่พบในปัจจุบัน และพอมีแนวทางแก้ไขได้ นั่นคือปัญหาผมร่วง ศีรษะล้านจากปัญหาฮอร์โมนเพศ ชื่อ Dihydrotesterone (DHT) สูงกว่าปกติ ซึ่งพบได้ถึง 30-40 % ของสาเหตุของการเกิดผมร่วง ผมบาง ทั้งในผู้ชาย และผู้หญิง
เมื่อใดจึงเรียกว่าผมร่วงผิดปกติ
ในทางการแพทย์จะถือว่า ผมร่วงผิดปกติเมื่อสังเกตว่า ผมร่วงมากกว่าวันละ 50 เส้น หรือผมร่วงแล้วไม่งอกขึ้นมาใหม่ หรืองอกขึ้นมาแต่เป็นเส้นเล็กบางลงกว่าเดิม หรือผมร่วงเป็นหย่อมเฉพาะบางบริเวณ (Alopecia areata)
สาเหตุของผมร่วง
สาเหตุที่พบบ่อยที่สุด คือ สาเหตุจากกรรมพันธุ์เรียกว่า Androgenetic alopecia พบว่าถ้าบิดามารดาผมบาง บุตรจะมีโอกาสผมบางมากขึ้น โดยที่ผมร่วงจากพันธุกรรม ต้องมีปัจจัยจากฮอร์โมน เป็นตัวกระตุ้น ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชาย แต่พบได้ในร่างกายของผู้หญิงในปริมาณต่ำ ๆ ฮอร์โมนนี้ จะไปจับกับเซลล์รากผม ทำให้เส้นผมหลุดร่วง และผมที่ขึ้นใหม่ เส้นจะเล็กลง โดยเมื่ออายุมากขึ้น ผมก็จะบางลงมากขึ้นตามอายุ
ลักษณะของผมร่วงจากพันธุกรรม ในเพศชายผมจะเริ่มบางทางบริเวณด้านหน้าและกระหม่อม และอาจบางมากขึ้นจนศีรษะล้าน เหลือเส้นผมเฉพาะบริเวณด้านข้างและด้านหลัง ส่วนในเพศหญิงผมจะบางบริเวณกระหม่อมกลางศีรษะ และบางลงมากขึ้นตามอายุ
การรักษาผมร่วง
ไม่ควรรีบทดลองใช้ยาเอง เพราะอาจไม่ตรงสาเหตุ หรือใช้ตัวยาที่ไม่มีหลักฐาน ทางการแพทย์ยืนยัน ควรปรึกษาแพทย์โดยตรงเพื่อหาสาเหตุ และการรักษาที่ถูกต้อง
ปัจจุบัน ยาที่ใช้รักษาภาวะผมร่วงที่มีผลทางการแพทย์พิสูจน์และผ่านการตรวจสอบจาก FDA (Food and Drug Administation) หรือ อ.ย. ประเทศอเมริกา ว่าได้ผลในการรักษามีอยู่ 2 ชนิด คือ
1.ฟิแนสเทอไรด์ (Finasteride)
ยานี้ออกฤทธิ์โดยการลดระดับฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดภาวะ ผมบาง ศีรษะล้าน แบบกรรมพันธุ์ ผลการรักษามีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการตอบสนองของยาในแต่ละคน จากรายงานทางการแพทย์ระบุว่า ฟิแนสเทอไรด์ทำให้ผมหยุดร่วง และ/หรือ ผมขึ้นใหม่ได้อยู่ระหว่าง 66 -88% นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันมิให้เส้นผมมีขนาดเล็กลงและอาจทำให้เส้นผมมีขนาดโต ขึ้นได้อีกด้วย ฟิแนสเทอไรด์ นับเป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัยและได้ผลดี โดยรับประทานครั้งละ 1 เม็ด (1 mg) วันละครั้ง ใช้ได้เฉพาะผู้ชายศีรษะล้านที่มีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์เท่านั้น ควรใช้ยาติดต่อกัน อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 6-9 เดือน ในบางรายอาจพบว่ามีผมร่วงมากขึ้นในช่วงเริ่มต้นของการใช้ยา เนื่องจากยาไปกระตุ้นให้ผมใหม่งอกขึ้นมา จึงดันผมเดิมให้หลุดร่วงไป
2. ไมนอกซิดิล (Minoxidil)
มีทั้งในรูปของยากินและยาทา ยาทาเป็นที่นิยมมากกว่าเนื่องจากไม่ค่อยพบอาการข้างเคียง ลักษณะของยาเป็นน้ำ มีความเข้มข้นตั้งแต่ 2-5 % ใช้ได้ทั้งเพศหญิงและชาย แต่ในผู้หญิงจะได้ผลดีกว่า ใช้ทาที่หนังศีรษะบริเวณที่มีผมบางครั้งละ 1 มิลลิลิตร วันละ 2 ครั้ง ควรทายาให้โดนที่หนังศีรษะเพื่อการออกฤทธิ์ของยาที่ดี ยานี้ค่อนข้างปลอดภัย มีการดูดซึมของยาน้อยมาก ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยๆ คือ เกิดการระคายเคืองของหนังศีรษะบริเวณที่ทายา
ยากิน Minoxidil เป็นยากินที่ได้ผลดีที่สุด แต่อาจมีผลข้างเคียงคือ อาจมีขนขึ้นตามใบหน้าและตามตัว ซึ่งเมื่อหยุดยาแล้วอาการดังกล่าวมักหายไปได้เอง ควรใช้ยาเป็นระยะๆ ในบางรายอาจพบว่ามีผมร่วงมากขึ้นในช่วงเริ่มต้นของการใช้ยา เนื่องจากยาไปกระตุ้นให้ผมใหม่งอกขึ้นมา จึงดันผมเดิมให้หลุดร่วงไป เนื่องจากเป็นยาที่ออกฤทธิ์ลดความดันโลหิต จึงเกิดอาการบวมที่ใบหน้าในบางรายได้ซึ่งจำเป็นต้องหยุดยา
3. การฉีด PRP เข้าที่หนังศรีษะ ในกรณีผมร่วงเป็นหย่อมเฉพาะบางบริเวณ (Alopecia areata) เป็นวิธีที่ได้ผลดี ปลอดภัย และเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน
- PRP ( Platelet Rich Plasma ) คืออะไร : PRP คือเกล็ดเลือดเข้มข้นที่สกัดแยกอออกมาจากเลือดของเราเอง โดยในองค์ประกอบของเลือด จะมีส่วนประกอบที่เป็นพลาสมา(น้ำเลือด) และส่วนประกอบที่เป็นเซลล์ ส่วนประกอบที่เป็นเซลล์ได้แก่ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด PRP ได้มาจากการปั่นแยกเลือดออกมา เพื่อให้ได้เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นกว่าเลือดทั่วไป 3-4 เท่า และใน PRP จะประกอบไปด้วยสารต่างๆมากมายเช่น Growth Factor ซึ่งสารเหล่านี้จะช่วยทำให้เซลล์ต่างๆฟื้นตัวและทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนตอนยังเป็นวัยรุ่น อีกทั้งเร่งอัตราการฟื้นฟูและซ่อมแซมร่างกายได้อย่างน่าอัศจรรย์ กระตุ้นการสร้าง Collagen Elastin และอื่นๆอีกมากมาย หากฉีดบริเวณหนังศีรษะรักษาผมร่วง ศีรษะล้าน โดยจะทำให้หนังศีรษะและเส้นผมดกดำมากขึ้น เส้นใหญ่ขึ้น และมีความแข็งแรงมากขึ้น
- ขั้นตอนของการทำ PRP
1. เจาะเลือดของคนไข้โดยปริมาณที่ต้องการ
2. นำเลือดที่ได้มาผ่านกระบวนการปั่นแยกเกล็ดเลือดด้วยเครื่องปั่นเลือด
3. เลือดจะแบ่งชั้นออกมาตามลำดับ คัดแยกเกล็ดเลือดที่สมบูรณ์เพื่อนำมาใช้ในการรักษา
4. คัดแยกเกล็ดเลือดและพลาสมาที่สมบูรณ์เพื่อนำมาใช้
5. แพทย์จะนำ PRP ที่สกัดได้ไปฉีดในบริเวณที่ต้องการ
4. การฉีดวิตามินไบโอติน และ antioxidant เข้ากล้าม สำหรับผมร่วงทั้งศรีษะ (diffuse alopecia) ได้ผลเร็วและมีประสิทธิภาพสูง
จะเห็นว่า การรักษาผมร่วงแบบไม่ต้องผ่าตัด ควรจะรักษาแบบผสมผสาน ทั้งการใช้ยารับประทานแก้สาเหตุของผมร่วง ในรูปแบบของยารับประทาน (Finasteride/Dutasteride) ควบคู่กับการฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาดกดำมากขึ้น ด้วยใช้ยาทา จำพวก Minoxidil ซึ่งมีฤทธิ์เพิ่มจำนวนเส้นผม การรับประทานวิตามินสำหรับบำรุงเส้นผม หรืออาจจะเสริมด้วยการฉีดเกร็ดเลือดเข้มข้น (PRP) เพื่อให้ออกซิเจนกับเส้นผม หรือการทำเมโสปลูกผม (Mesotherapy) จึงจะทำให้ผลการรักษาครอบคลุมครบวงจร และควรจะทำการรักษาต่อเนื่อง และพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมเท่านั้น ไม่ควรจะซื้อยามาทำการรักษาเอง เพราะการรักษาอาจจะมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้
|